ปมด้อยทั้ง 12 ราศี ข้อเสียที่ทำให้ชีวิตไม่เจริญ

เคยสังเกตมั้ยว่า.. เวลาดูลักษณะตามดวงชะตาหลายๆ ครั้งก็มักจะมีแต่เรื่องที่เปิดเผยเพียงด้านดีเท่านั้น ทำให้บางครั้งเจ้าชะตาไม่ทันได้สังเกตข้อเสียของตัวเอง ทำให้นิสัยร้ายๆ ยังคงติดอยู่แบบไม่รู้ตัว ดังนั้นวันนี้ BeautyEzy จึงได้นำลักษณะดวงชะตาที่เผยให้เห็นถึงข้อเสียและปมด้อยของทั้ง 12 ราศีมาให้ทราบ เพื่อต่อไปจะได้ดำเนินชีวิต และทำอะไรที่มีสติและยั้งคิดมากขึ้น

ราศีเมษ (ช่วงเวลาเกิดระหว่าง 13 เ.ย. – 14 พ.ค.)

ชาวเมษเป็นคนที่ค่อนข้างจะขาดเหตุผล เวลาที่อารมณ์มันพุ่งขึ้นมา พวกเขาขอเดินหน้าเข้าชน และจะทิ้งเหตุผลทั้งหมดที่พวกเขามีออกไปทันที ด้วยเหตุดังนั้นกล่าว จึงทำให้พวกเขาจำเป็นต้องหัดสงบสติอารมณ์และรู้จักวิธีการเบี่ยงเบนอารมณ์ของตัวเองออกไปเสียบ้างเวลาโกรธครับ

ราศีพฤษภ (ช่วงเวลาเกิดระหว่าง 15 พ.ค. ? 14 มิ.ย.)

สำหรับชาวราศีพฤษภ พวกเขาขึ้นชื่อที่สุดในเรื่องของความหัวรั้น ถ้าลองได้ปลักใจเชื่อในอะไรสักอย่างแล้ว พวกเขาจะเปลี่ยนความคิดได้ยากมาก เพราะ พวกเขาขาดการยอมรับและเข้าใจเหตุผลของคนอื่น นอกเสียไปจากว่าคุณจะเป็นเจ้านายพวกเขาเท่านั้นแหละ ถึงจะยอมอ่อนข้อให้

ราศีเมถุน (ช่วงเวลาเกิดระหว่าง 15 มิ.ย. ? 15 ก.ค.)

บ่อยครั้งที่เราจะเห็นคนราศีเมถุนชอบคิดเรื่องอะไรเรื่องหนึ่งแล้วอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนเรื่องไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเป็นประจำๆ พวกเขาเป็นคนที่ขาดความเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองคิด ขาดความเป็นตัวของตัวเองในการคิดและตัดสินใจ และบางครั้งก็ปล่อยให้คนอื่นมามีอิทธิพลต่อการตัดสินของตัวเองมากเกินไป

ราศีกรกฎ (ช่วงเวลาเกิดระหว่าง 16 ก.ค. ?  16 ส.ค.)

สำหรับชาวกรกฎพวกเขามองโลกแบบค่อนข้างจะลบๆ สักหน่อย ทำให้บ่อยครั้งพวกเขาก็ขาดความสุขในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะทุกอย่างมันดูมีแต่ข้อเสียไปหมดเสียเหลือเกิน แต่ชาวกรกฎบางคนก็รู้จักใช้พื้นฐานทางจิตใจที่เป็นคนมีน้ำใจมาสร้างความสุขให้แก่ตัวเอง ด้วยการเป็นผู้ให้

ราศีสิงห์ (ช่วงเวลาเกิดระหว่าง 17 ส.ค. – 16 ก.ย.)

สำหรับคนราศีสิงห์สิ่งที่พวกเขาดูเหมือนจะขาดหายไปคือ การไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนก่อนจะทำอะไร พวกเขาเป็นพวกคิดแล้วไปทำเลย ไม่ค่อยได้คิดให้ดีก่อนว่า ถ้าทำไปแล้วผลสะท้อนกลับมาจะเป็นอย่างไร เลยทำให้หลายๆ ครั้งผลที่ได้รับกลับมามันไม่ได้เป็นไปในทางที่ดีเท่าไร

ราศีกันย์ (ช่วงเวลาเกิดระหว่าง 17 ก.ย. –  16 ต.ค.)

สำหรับชาวราศีกันย์เป็นคนชอบอยู่เงียบไม่ชอบออกไปไหนกับใคร เป็นพวกโลกส่วนตัวสูง ดังนั้นสิ่งที่พวกเขามักจะขาดไปก็คือเพื่อน อาจจะไม่ถึงขนาดว่าไม่มีเพื่อนเลย แต่พวกเขาก็มีเพื่อนน้อยมากๆเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ

ราศีตุลย์ (ช่วงเวลาเกิดระหว่าง 17 ต.ค. – 16 พ.ย.)

เป็นเรื่องน่าแปลกที่คนราศีตุลย์มักจะขาดการแสดงความคิดเห็นท่ามกลางงานประชุมหรือในที่สาธารณะชน พวกเขาเป็นนักไกล่เกลี่ยที่ดีแต่กลับตรงข้ามกับเรื่องการนำเสนอไอเดียอะไรใหม่ๆ พวกเขาชอบเป็นผู้ตามมากกว่าในเรื่องแบบนี้ เราจึงมักไม่ค่อยได้ความคิดอะไรใหม่ๆ จากคนตุลย์มากนัก

ราศีพิจิก (ช่วงเวลาเกิดระหว่าง 17 พ.ย. – 15 ธ.ค.)

สำหรับชาวพิจิกเป็นราศีที่ขาดความรัก พวกเขามักจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับความรักไม่ค่อยดีนัก บางรายถึงขั้นแต่งงานแล้วก็เลิกรากันไป หรือคบๆ กันอยู่ดีๆ ก็มักจะจบลงแบบไม่สวย ทำให้คนราศีนี้ยิ่งโหยหาความรักดีๆ เข้าไปกันใหญ่ ดังนั้นหากมีใครสักคนมาเติมเต็มในส่วนนี้ได้ชาวพิจิกก็มักจะฝากชีวิตไว้กับใครคนหนึ่งคนนั้น

ราศีธนู (ช่วงเวลาเกิดระหว่าง 16 ธ.ค. – 13 ม.ค.)

สำหรับชาวธนูพวกเขามักจะใช้สิทธิของตัวเองอย่างเต็มที่ในการหาความชอบธรรมที่พวกเขาต้องการจะทำสิ่งต่างๆ จนเกินขอบเขตที่ผู้อื่นจะยอมรับได้ ดังนั้น สิ่งที่พวกเขาขาดไปคือ การรู้จักขอบเขตว่าอะไรบางที่ทำได้และอะไรบ้างที่ไม่ควรจะ หรือเรื่องกาลเทศะก็เป็นเรื่องสำคัญที่คนราศีนี้ชอบมองข้ามมันไป

ราศีมังกร (ช่วงเวลาเกิดระหว่าง 14 ม.ค – 11 ก.พ.)

ชาวราศีมังกรชอบใช้ชีวิตแบบลุยไปข้างหน้า ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นรู้แค่ว่าตัวเองจะต้องไปถึงจุดหมายที่ตั้งเอาไว้ให้ได้ ดังนั้นคนราศีนี้จึงมักจะมีความเครียดสะสมอยู่มาก เพียงแต่คุณไม่รู้ตัวก็เท่านั้น ดังนั้นสิ่งสำคัญที่คุณขาดมันไปคือ การหยุดพัก เพราะการพักก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิต

ราศีกุมภ์ (ช่วงเวลาเกิดระหว่าง 12 ก.พ. – 13 มี.ค.)

คนราศีกุมภ์มักจะไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องคนอื่น และแน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่ค่อยชอบช่วยเหลือคนอื่นด้วยเช่นกัน พวกเขามักจะมองว่า มันเป็นเรื่องของคุณ คุณต้องรู้จักที่จะรับผิดชอบเรื่องของคุณด้วยตัวคุณเอง การมาขอความช่วยเหลือคนอื่นเท่ากับเป็นการโยนภาระให้คนอื่น ดังนั้นด้วยแนวคิดในลักษณะนี้ทำให้คนราศีกุมภ์เป็นคนที่ขาดความเห็นอกเห็นใจในผู้อื่น

ราศีมีน (ช่วงเวลาเกิดระหว่าง 14 มี.ค. – 12 เม.ย.)

ชาวมีนขาดทักษะในการยอมรับความจริง และการอยู่กับความจริง พวกเขามักจะรับไม่ค่อยได้ถ้าหากว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เป็นไปดังความคาดหวัง และเมื่อพวกเขาต้องผิดหวัง พวกเขาเองก็เลือกที่จะปิดหูปิดตา และไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้า